Hel Looks!!! แฟชั่น ยุโรปเหนือ

ว้าว!!!!!จ๊าบโครต
กิ๊บเก๋ยูเรก้ามั๊กๆ

ดูเธอช่างงามเหลือ!!!!!

สองคนคนนี้ช่างเข้ากันเหลือทน

อาห้า!ผมแมนมั้ยล่ะ

เอ้า!!!!!ยายมายืนทำรัยตรงนี้ ไม่เมื่อยหรอยาย

อย่าบอกนะว่าเอสองคนเป็นแฟนกัน ช่างเข้ากันซะ(ประชด!)

อ่านชื่อเรื่องแล้วอาจตกใจ เอาให้ชัดว่า Hel Looks !!! ไม่ใช่ Hell Looks ดูดีๆ เพราะแค่เพิ่ม แอล อีกตัวเดียว ความหมายก็ต่างกันมาก

แฟชั่นคราวนี้ เราข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูไกลถึงยุโรปเหนือโน่น เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ หนุ่มสาวชาว “HEL” (ชื่อย่อเมืองหลวงที่วัยรุ่นแถวนั้นเขาเรียกกัน) จำนวนไม่น้อยที่นิยมแต่งตัวแบบเป็นตัวของตัวเองสุดๆ ไม่หลงใหลคลั่งไคล้ สินค้า Brand name ก้องโลกอย่างหนุ่มสาวเมืองหลวงอื่นๆ สักเท่าไหร่ เรียกว่า กระแสแฟชั่นที่แรงที่สุดของเมืองเฮล (ซิงกิ) คือ เสื้อผ้าราคาถูก เครื่องประดับแฮนด์เมด เสื้อผ้าที่ขายแบกะดิน หรือที่เราเข้าใจกันดีว่าส่วนใหญ่แล้วก็เป็น ของมือสอง ทั้งนั้นล่ะ

เสื้อผ้าที่เขาเอามาใส่ จะมีหลายแนว เริ่มตั้งแต่ เสื้อผ้ายุค 40 หรือยุคหลังสงครามโลก สมัยคุณทวดเพิ่งเกิด, เสื้อผ้ายุค 70 รุ่นเพื่อนพี่ๆ เอลวิส, และยุค80 สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังเต้นเย้วๆ กับเสื้อรัดรูป และกางเกงขาบานเท่าจานบิน...หรือแนวตามใจฉัน เช่น เอาเสื้อนักเรียนของคุณป้า ใส่เข้าคู่กับชุดทหารหญิงสมัยหลังสงครามโลก ตบท้ายด้วยรองเท้าบู๊ดกันฝน กับถุงมือหนังสีดำ

บางทีช่วงวันศุกร์ที่บริษัทส่วนใหญ่อนุญาตให้พนักงานแต่งตัวสบายๆ สไตล์ Casual ได้ พวกเขาก็จะสวนกระแส แทนที่จะนุ่งเสื้อยืดกางเกงยีนส์อย่างที่คนส่วนใหญ่เขานิยมกัน หรือแต่งตัวแนว “ตามใจฉัน” แบบที่ตัวเองโปรด ก็กลับแต่งชุดยูนิฟอร์ม หรือใส่เสื้อผ้าแบบเต็มยศ เหมือนกับว่าวันนั้นต้องเข้าประชุมเสนองานกับผู้ใหญ่เสียอย่างนั้น

การแต่งตัวแหวกแนวแบบนี้ เขาว่าระบาดกันทั้งเมือง ไม่ใช่เพียงแค่วัยรุ่นเท่านั้นที่ก๋ากั่น แต่งเซี้ยว คุณลุงคุณป้าก็เปรี้ยวไม่แพ้กัน นึกสนุก ลุกขึ้นมารื้อตู้เสื้อผ้า แต่งตัว “ตามใจฉัน” กับเขาด้วย (ไม่เชื่อก็ดูจากรูปได้) เท่ห์สุดๆ

เอาเป็นว่า ดูชาว “เฮล” เขาแต่งตัวแบบนี้แล้ว ก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับวัยรุ่นไทยว่า บางทีการแต่งตัวแบบ “ไม่เข้ากันอย่างแรง” และ “ไม่จำกัดเฉพาะ แบรนด์เนมไฮโซ” ก็สามารถเป็นที่ยอมรับและสนุกได้แบบไม่สร้างปัญหาทั้งกับตัวเอง และสังคม

หรือคุณว่าไง?

ป.ล. ใครอยากอินเทรนด์กับแฟชั่นชาวเฮล ก็ลองแวะไปดูได้ที่ http://www.hel-looks.com/

QUOTATION

อดีตประธานาธิบดี Richard Nixon ครั้งหนึ่ง เขาเคยบันทึกเอาไว้ว่า ผู้คนจากทุกมุมโลกออกมาจากบ้านเกิดของตนและไปยังอเมริกา, แต่ไม่เคยมีใครละทิ้งไปจากประเทศนี้.
ทุกๆโอกาส บรรดาชาวยุโรปทั้งหลายชอบสังเกตว่า คนอเมริกันต่างจากพวกตนอย่างไร. คนอเมริกันดื่มชาใส่น้ำแข็ง, มีนิสัยที่ชอบเอาเท้าวางพาดไว้บนโต๊ะ, ชอบเข้าสู่รายละเอียดของเนื้อหา โดยไม่มีการเกริ่นนำในการพูดคุยการงานธุรกิจ, ไม่มีการแบ่งแยกลำดับชั้นสูงต่ำ, ไม่เคยอาย, พวกเขาเป็นคนที่ชอบบ้านหลังใหญ่และรถยนต์คันใหญ่ๆ, พูดจาวางโต, แต่บางครั้งไร้เดียงสาเอามากๆ, ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับประเทศอื่นๆเลย แต่ก็ปฏิบัติได้ดีพอใช้ ที่จะรู้ไดโดยหัวใจในรายละเอียดต่างๆถึงกฎระเบียบต่างๆของชาวต่างประเทศ, กฎหมายและรัฐบาล เมื่อต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้คนเหล่านั้น และ มักจะกลายเป็นหัวข้อหนึ่งของความสนุกสนานเสมอ, คนอเมริกันมีความภาคภูมิ และให้ความเคารพต่อคนยุโรป

มาดื่มนมแพะกันเถอะ

ทราบหรือไม่คะว่า แม้ว่า น้ำนมวัว นั้นจะเป็นแหล่งของแคลเซียมและโปรตีนที่ดี แต่ปริมาณ การบริโภคนมวัวในประเทศที่เจริญแล้วหลายๆประเทศนั้นกลับลดลง ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์จาก "นมแพะ" นั้นดูจะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ได้มีการประมาณการกันว่าโดยรวมแล้ว คนทั่วโลกบริโภคนมแพะมากว่านมจากสัตว์ชนิดอื่นๆ แพะกว่า 440 ล้านทั่วโลกสามารถให้นมได้ถึงประมาณ 4.8 ล้านตันเลยทีเดียว นมที่ได้นั้นส่วนมากจะนำมา บริโภคกันในท้องถิ่น หรือนำไปแปรรูปออกมาเป็นชีสประเภทต่างๆ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกนานแต่ก็เป็นไปได้มากที่ความนิยมในการบริโภคนมแพะจะขึ้นมาเทียบเคียงนมวัว เพราะนมแพะก็จัดได้ว่าเป็นนมที่มีประโยชน์และขึ้นชื่อว่า ย่อยได้ง่าย
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นมแพะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ตัวอย่างเช่นเด็กทารกบางคนไม่สามารถดื่มนมแม่หรือนมวัวได้เพราะทำให้เกิดอาการแพ้บางอย่าง (มีเด็กจำนวนถึง 7.5 % ทั่วโลกที่ไม่สามารถดื่มนมวัวได้) แต่กลับ สามารถดื่มนมแพะได้โดยไม่เกิดอาการผิดปกติใดๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ส่วนประกอบของโปรตีนและไขมันในนมแพะนั้นมีความแตกต่างจากนมวัว นั่นเองค่ะ
การบริโภคนมแพะในบ้านเรานั้นก็ยังไม่เป็นที่นิยมซักเท่าใด บางคนก็กลัวเหม็นคาว บางคนก็กลัวท้องเสีย แต่หากมีหลักฐาน และ ข้อมูลทางโภชนาการที่ออกมาประกาศเป็นทางการเกี่ยวกับประโยชน์ของนมแพะ ก็คงจะเป็นเรื่องดีทีเดียว เพราะนั่นหมายความว่าคนเราจะมีอีกหนึ่งทางเลือกที่จะได้บริโภคสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดว่าไหมคะ?
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ Moo Milk